“พวกเขาทำงานหนักเพื่อครอบครัว และมีบทบาทสำคัญในสิงคโปร์…
เราจะดูแลพวกเขาอย่างดีที่สุด เพื่อให้เขาได้กลับบ้านไปหาครอบครัวอย่างแข็งแรงและปลอดภัย”
.
นี่คือท่าทีของ ลี เซียน ลุง, นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว
.
ย้อนกลับไปในช่วงเดือนเมษายนของปีนี้
สิงคโปร์พบกับวิกฤตเมื่อเกิดการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงสุดเกือบ 1,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าว
.
จนสิงคโปร์ต้องขยายเวลาบังคับใช้มาตรการปิดเมืองออกไปอีก 1 เดือน (ณ เวลานั้น)
.
แน่นอนว่า ข่าวนี้ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก มองแรงงานต่างด้าวอย่างแปลกแยกและหวาดกลัว ทว่าสิ่งที่ผู้นำประเทศอย่างลีเซียนลุงทำ ไม่ใช่การตอกย้ำความกลัวนั้น
.
แต่เขาออกมาแถลงข่าวด้วยถ้อยคำที่หนักแน่น มั่นคง แต่ไม่ก้าวร้าว โดยในคำแถลงนั้น นอกจากจะมีเนื้อหาถึงประชาชนสิงคโปร์ ยังมีเนื้อหาถึงครอบครัวของแรงงานต่างด้าวด้วย ว่าจะให้คำมั่น ดูแลครอบครัวของพวกเขาอย่างดี ไม่ต่างจากที่ดูแลพลเมืองสิงคโปร์
.
ส่วนแรงงานที่ยังแข็งแรงจำนวน 10,000 ราย จะถูกคัดแยกให้สามารถทำงานต่อได้ ส่วนกลุ่มเสี่ยงจะถูกกักตัวในพื้นที่
.
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้มงวดที่มีต่อการควบคุมโรคในกลุ่มแรงงานต่างชาติ เช่น ไม่อนุญาตให้ออกไปไหนเลยหลายเดือนติดกัน อยู่ร่วมกันอย่างแออัด ทำให้สิงคโปร์เองก็ถูกตั้งคำถามถึงการปฏิบัติต่อแรงงานเหล่านี้อย่างเท่าเทียมกัน
.
ในที่สุด ทางการสิงคโปร์ก็ได้ออกมาสัญญาว่าภายในสิ้นปี ผู้อาศัยในหอพักจะได้พื้นที่ส่วนตัวอย่างน้อย 6 ตร.ม. แต่ละห้องห้ามมีเตียงเกิน 10 เตียง โดยแต่ละเตียงต้องห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร
.
ที่มา:
https://www.gov.sg/article/containing-covid-19-spread-at-foreign-worker-dormitories