ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวนึงที่ทำให้ทุกคนฮือฮามาก
นั่นก็คือการที่ Tesla ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
โดยมีมูลค่าสูงถึง 5.9 ล้านล้านบาท [หรือประมาณ 1 ใน 3 ของ GDP ประเทศไทย]
แซงหน้า Toyota ที่มีมูลค่า 5.5 ล้านล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อย
Tesla มีอะไรดี? อะไรทำให้ Tesla ยังเติบโต
จนแม้แต่จีนยังรัก Tesla
ทั้งๆ ที่ค่ายรถยนต์อื่นกำลังวิกฤต
#Agenda จะสรุปให้ดูครับ
1.Tesla เป็นผู้ผลิตแบบ Small Volume Maker [ผลิตตามออเดอร์]
Tesla ไม่ได้ทำการผลิตเกินตัว ไม่ได้เน้นขายเยอะๆ และผลิตในปริมาณมากๆ
แต่จะเป็นการผลิตตามออเดอร์ หรือความต้องการที่เกิดขึ้นจากลูกค้า
สิ่งนี้เองทำให้ Tesla มีความยืดหยุ่นสูง ปรับตัวได้รวดเร็ว
สามารถเปิด ปิดโรงงานได้ถ้าเกิดวิกฤต
ทำให้ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมายอดขายรถในสหรัฐฯตกลงไปกว่า 17 ล้านคันแต่ Tesla เองกลับรับจองออเดอร์ และส่งมอบรถ จนมีกำไรกว่า 500 ล้านบาท
ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา
2.Tesla มีเงินสดที่สูงมาก
Tesla มีเงินสดหมุนในบริษัทกว่า 250,000 ล้านบาท
ขณะที่ค่ายอื่นอย่าง GM อาจมีเงินสดอยู่ได้ไม่ถึง 6 เดือน
จาก cashflow ที่ตัวเองมี Tesla เพิ่มเงินสดเข้ามาหมุนเยอะมาก
ถ้ามองไปที่ 12 เดือนที่แล้ว จะพบว่า Tesla มีเงินสดไม่ถึง 90,000 ล้านบาท
แต่ 4-5 ไตรมาสหลังจากนั้น Tesla เก็บเงินสดเข้ามาได้มากกว่าเดิมเกือบ 3 เท่า
ทั้งจากการเสนอขายหุ้นเพิ่ม และระดมทุน
3. Tesla เป็นมากกว่าค่ายรถยนต์
ขณะที่ค่ายรถอื่นๆ สั่งปิดโรงงาน แต่ Tesla กับเดินหน้าผลิต และรวมทีมสร้างนวัตกรรม
Tesla เน้นทำงานแบบ in-house มี Ecosystem เป็นของตัวเอง
ภายใต้ Giga Factory ที่มีทีมนวัตกรรม ทีมผลิตรถ และทีมผลิตฟฟ้าและการจัดเก็บ
ในยามวิกฤต จะไม่ติดปัญหาในการเดินสายผลิตมากนักเหมือนค่ายรถอื่นๆ
ที่ต้องพึ่ง supply chain จากหลากหลายโรงงานในทุกประเทศทั่วโลก
4. ทำการตลาดในแบบตัวเอง
Tesla เลือกทำการตลาดในแบบฉบับของตัวเอง
ไม่ได้ใช้โปรโมชั่นรุนแรงเหมือนค่ายรถยนต์เจ้าอื่นๆ
โดยการเปิดตัวทุกครั้งของ Tesla มักจะสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอๆ
ครั้งนึง Tesla เปิดตัวรถกระบะ Cyber Truck
ด้วยการปาก้อนหินใส่กระจกรถ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของรถ
จนสามารถสร้างยอดจองไปได้มากกว่า 200,000 คันภายในเดือนเดียว
5. สร้างสาวกชาว Tesla
Tesla มีฐานแฟนที่จงรักภักดีและคลั่งไคล้แบรนด์สูงมาก
เพราะ Tesla ไม่ได้ขายแค่รถยนต์ หรือแบตเตอรี่เท่านั้น
แต่ยังขาย Lifestyle แห่งอนาคตด้วย
ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้สาวก Tesla รู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้อนาคตมากกกว่าคนอื่นๆ
สินค้าที่ Tesla คิดจะทำ จึงขายได้ตั้งแต่ยังเป็นเพียงแค่ไอเดียเท่านั้น
6. มี ‘นวัตกรรม’ ที่คนอื่นตามไม่ทัน
Tesla สร้าง Ecosystem เป็นของตัวเอง
คิดค้นนวัตกรรมมาโดยตลอด
ทั้งในธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจไฟฟ้าและการจัดเก็บ ธุรกิจบริการ
ทำให้ Tesla มีต้นทุนทางนวัตกรรมสูง
จนเรียกได้ว่ามีนวัตกรรมที่ล้ำหน้าค่ายรถอื่นไปหลายทศวรรษ
และยากที่ค่ายรถอื่นจะตามทันในเร็วๆนี้