1. รู้รายได้
จากทางไหนบ้างและเป็นรายได้เป็นประเภทไหน ที่เกิดในช่วง ม.ค. – ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา ดูจากหนังสือรับรองเงินได้(ใบทวิ 50) และสามารถสอบถามทางฝ่ายบุคคล และดูจากสลิปเงินเดือน เช่น เงินเดือนและโบนัส 40(1) ค่าจ้างและค่านายหน้า 40(2) วิชาชีพอิสระ หมอ วิศวกร 40(6) และ ขายของออนไลน์ 40(8)
2. รู้หักค่าใช้จ่าย
แต่ละประเภทของรายได้สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เหมือนกัน แต่การยื่นภาษีออนไลน์จะมีการคำนวณให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งเพื่อนๆ รู้เผื่อไว้สามารถคำนวณภาษีได้เองในอนาคต และสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมจากเว็บกรมสรรพากรและคลังความรู้ภาษี iTAX เช่น รายได้ประเภท 40(1) และ 40(2) หักค่าใช้จ่ายได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท รายได้ประเภท 40(8) หักค่าใช้จ่ายได้ 60% ไม่มีเพดานจำกัด
3. รู้ค่าลดหย่อนกลุ่มรัฐให้
เพื่อนๆ ต้องรู้ว่าค่าลดหย่อนมีอะไรบ้าง เช่น ลดหย่อนส่วนตัว ได้ 60,000 บาท เลี้ยงดูบิดามารดาได้ท่านละ 30,000 บาท บุตรได้ 30,000 บาท และเลี้ยงดูผู้พิการ/ทุพพลภาพ ได้ 60,000 บาท แต่เพื่อนๆต้องเตรียมเอกสาร ประกับหลักฐาน ล.ย. 03 และ 04 ด้วยนะครับ
4. รู้ค่าลดหย่อนกลุ่มออมเงินเอง
กลุ่มที่เพื่อนๆ เก็บเงินซื้อเอง เพื่อวางแผนการเงินของตัวในอนาคตเพื่อความมั่งคั่งและมั่นคงในชีวิต เช่น ประกันสังคม ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมลดหย่อนภาษี LTF และ RMF และดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน เพื่อนๆอย่าลืมเตรียมเอกสารหนังสือรับรองซื้อกองทุน / ประกัน รวมไปถึงหนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้นะครับ
5. รู้ค่าลดหย่อนกลุ่มมาตรการพิเศษประจำปี / บริจาค
แต่ละช่วงจะมีมาตรการพิเศษมาตลอดเผื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ช้อปช่วยชาติ หนังสือ e-book สินค้า OTOP เที่ยวเมืองรอง รวมไปถึงการบริจาคต่างๆ เพื่อการศึกษา กีฬาและโรงพยาบาล เป็นต้น
6. รู้ที่ยื่นและระยะเวลายื่นภาษี
เพื่อนๆ ยื่นภาษีออนไลน์เข้าไปที่เว็บไซต์ e-filing ของกรมสรรพากร และกดเลือกยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนนี้รัฐบาลขยายเวลาจากเดิม ถึงมีนาคม 2563 เป็น มิถุนายน 2563 ยิ่งเอกสารเพื่อนพร้อมเร็วสามารถแนบไปได้เลยระหว่างยื่นภาษีออนไลน์ เพื่อให้สามารถขอคืนภาษีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เป็นไงบ้างครับเพื่อนๆ ยื่นภาษีออนไลน์ง่ายนิดเดียวเอง!!! ที่สำคัญอย่าลืมวางแผนภาษีแล้วเปลี่ยนภาษีเป็นเงินเก็บในปีนี้กันนะครับ