หลังจากที่พรรคก้าวไกล ร่วมกับอีก 7 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคเพื่อไทรวมพลัง มีการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน ณ โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น
.
นับเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นทางการเมืองยุคใหม่ แต่การจะไปถึงฝั่งฝันในวันที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้น อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ด้วยเงื่อนไขที่จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา ที่ประกอบไปด้วย ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 หรือคิดเป็น 376 เสียง ของสมาชิกในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
.
แต่จากกระแสที่ ส.ว.บางส่วน จะไม่ยกมือโหวตให้พิธา ด้วยคุณสมบัติที่อ้างว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกล มีความก้าวร้าว และมีความคิดที่จะแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน
.
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น จะขัดแย้งกับคะแนนเสียงที่ประชาชนจำนวน 14 ล้านเสียง ตัดสินใจโหวตให้พรรคก้าวไกล และคาดหวังให้นายพิธาได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
.
ประกอบกับ ส.ว. ทั้ง 250 คนนี้ มาจากการแต่งตั้งโดยคสช. และเคยร่วมโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯ อีกสมัยหนึ่งมาแล้ว
.
หากส.ว. ยืนยันที่จะโหวตสวนความต้องการคนส่วนใหญ่ จะมีอะไรบ้างที่คนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจจะไม่ได้เห็นในรัฐบาลนี้ #Agenda รวมมาให้แล้ว
.
1.ไม่ได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
หนึ่งในนโนบายที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการแก้รัฐธรรมรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยจะจัดให้มีการทำประชามติทันที รวมไปถึงการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
.
สอดคล้องกับแนวคิดของพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยสร้างไทย ที่ต้องการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และป้องกันการสืบทอดอำนาจ และปิดสวิตช์ 3 ป. ไม่ให้กลับมายึดครองอำนาจอธิปไตยสูงสุด คือ อำนาจของประชาชน
.
2.ไม่ได้เห็นนายกฯ ที่ครบเครื่อง
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนักการเมืองดาวเด่นในสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่แล้ว ซึ่งรับเจตนารมณ์อดีตพรรคอนาคตใหม่ พ่วงด้วยโปรไฟล์นักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ และมีดีกรีสำเร็จการศึกษาจาก Harvard และ MIT สถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก และก้าวเข้าสู่บทบาทของหัวหน้าพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน
.
พิธาเป็นที่จับตามองจากการที่พรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้งทั่วไป ด้วยจำนวน ส.ส. 152 เสียง ด้วยตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรค อีกทั้งความนิยมจากสื่อโซเชียลมีเดีย ประกอบกับบุคลิกภาพของนายพิธา ที่สามารถสื่อสารทั้งภาษาไทยและอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ในวัยเพียง 42 ปี
.
3.ไม่ได้เห็นตำรวจ – ทหาร ที่เติบโตตามความสามารถ
ถือเป็นนโยบายสำคัญที่พรรคก้าวไกลปักธง ด้วยการยกเลิกเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ รวมถึงปิดช่องทางการทุจริตในวงการทหารและสีกาสี ตั๋วช้าง ส่วยใต้โต๊ะ ระบบเงินทอน สวัสดิการกองทัพ ที่จะพัฒนาให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีเงินเดือนที่เหมาะสม และมีการวางโครงสร้างให้ตำรวจและทหารมีผู้ตรวจสอบการทำงาน หมดยุครบกับหญ้า ฆ่ากับมด หมดยุคทหาร-ตำรวจรับใช้
.
อีกทั้งพรรคก้าวไกลยังได้รับความร่วมมือจากนายตำรวจมือปราบตงฉินอย่าง ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หนึ่งในแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่พร้อมเข้าไป ‘บวก’ และปะทะกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกสภาฯ ซึ่งมีทั้งนักการเมือง ตำรวจและนายทหารชั้นผู้ใหญ่เป็นจำนวนมาก จากผลงานปราบผู้มีอิทธิพลหลายราย โดยนโยบายดังกล่าวยังเป็นการช่วยเหลือให้กำลังพลชั้นผู้น้อยได้เติบโตในตำแหน่งที่สูงขึ้นจากความสามารถอย่างแท้จริง
.
4.ไม่ได้เห็นน้ำประปาที่ดื่มได้ ค่าไฟ – น้ำมัน – แก๊สหุงต้มถูกลง
พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่จะทำให้คุณภาพน้ำประปาสามารถดื่มได้ และจะหยุดการเอื้อและให้สัมปทานนายทุนใหญ่ที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าแต่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อให้ค่าไฟลดลง 70 สตางค์ต่อหน่วยในทันที และยังสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนของแต่ละจังหวัดให้ใช้รถเมล์ไฟฟ้า ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนติดแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดค่าไฟ และสามารถขายคืนให้รัฐบาลได้ในราคาที่เหมาะสม
.
ในขณะที่แนวร่วมใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย ก็มีแนวคิดสอดคล้องที่จะลดค่าไฟฟ้า น้ำมัน แก๊สหุงต้มในทันที รวมถึงส่งเสริมนโยบายการใช้รถเมล์ไฟฟ้าและรถไฟฟ้า ให้ครอบคลุมโครงข่ายขนส่งมวลชนในประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลใหม่ทำได้จริงก็จะช่วยเหลือค่าครองชีพให้ประชาชนได้จริง
.
5.ไม่ได้เห็นค่าแรงขั้นต่ำที่เพียงพอกับรายจ่าย
ด้วยค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบันที่ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อย พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย มีความเห็นตรงกันที่จะเสนอนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตามสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยนแปลง โดยที่พรรคก้าวไกลจะเสนอให้ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาทต่อเดือน และจะปรับขึ้นทุกปีในเพดานที่เหมาะสม
.
การปรับขึ้นค่าแรงแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำไปใช้เป็นนโยบายขายฝันในการเลือกตั้งครั้งหน้าจากพรรคการเมืองอื่นๆ รวมไปถึงการเสนอให้มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานในแต่ละสาขาอาชีพ เพื่อคุ้มครองสวัสดิการและความปลอดภัยของแรงงานในการประกอบอาชีพ อีกทั้งช่วยให้นายจ้างและเจ้าของธุรกิจสามารถปรับตัวตามค่าแรงที่ปรับขึ้นได้อย่างเหมาะสม
.
6.ไม่ได้เห็นสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นวาระแห่งชาติ
พรรคประชาชาติและพรรคเป็นธรรม เป็นสองพรรคที่มีนโยบายสำคัญในการผลักดันสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่นับถือหลากหลายศาสนา แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
.
อีกทั้ง กัณวีร์ สืบแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคเป็นธรรม ยังเป็นแกนนำหลักจากประสบการณ์การทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และพื้นที่สงคราม การช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัย รวมถึงมีชั่วโมงบินสูงในการทำงานด้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีทัศนคติแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกล จึงเป็นปัจจัยสำคัยที่พรรคก้าวไกลได้เชิญให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้
.
7.ไม่ได้เห็นใบจดทะเบียนสมรสของคนเพศเดียวกัน
ในสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่แล้ว พรรคก้าวไกลเคยเสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม แต่ถูกปัดตกไปด้วยคะแนนสนับสนุนที่ไม่เพียงพอ และแทนที่ด้วยร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต จึงนับเป็นโอกาสอีกครั้งที่พรรคก้าวไกล จะได้นำร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม กลับมาอยู่ในสภาอีกครั้ง
.
เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของคู่สมรสที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือกลุ่ม LGBTQA+ ให้ได้รับความเท่าเทียมเหมือนคู่สมรสปกติ ทั้งการมีใบจดทะเบียนสมรส การใช้นามสกุลคู่สมรส สิทธิจัดการมรดกร่วมกัน สิทธิในการรักษาพยาบาล หรือสิทธิจัดการแทนผู้เสียหายในคดีอาญา นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมอาชีพให้บริการทางเพศ หรือ Sex Worker ถูกกฎหมาย และการปลดล็อกเซ็กซ์ทอยและหนังผู้ใหญ่ เป็นต้น
.
8.ไม่ได้เห็นผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง
หนึ่งในปัญหาที่พรรคก้าวไกลมองเห็นในระบบการบริหารแผ่นดินในระดับส่วนภูมิภาค คือการที่จัดให้มีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นอย่างอบต. หรือ อบจ. แต่อำนาจของผู้บริหารสูงสุดของจังหวัด กลับเป็นการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาปกครองโดยส่วนกลาง ทำให้การบริหารโดยหน่วยงานท้องถิ่นถูกสกัดกั้นหรือล่าช้าโดยผู้มีอำนาจจากส่วนกลาง
.
พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคเป็นธรรม ต่างก็มีแนวคิดในการที่จะปฏิรูประบบราชการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น โดยอาจมีการพิจารณาในการทำประชามติ เพื่อสอบถามความคิดเห็นประชาชน ที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ในทุกจังหวัดของประเทศไทยหรือในจังหวัดที่มีความพร้อม เพื่อกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและประชาชนต่อไป
.
9.ไม่ได้เห็นรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ที่พรรคก้าวไกล ประกาศเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับอีก 7 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคเพื่อไทรวมพลัง ด้วยคะแนนส.ส. 313 เสียง ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากกว่ากึ่งหนึ่งของ ส.ส. ทั้งหมด 500 คน และรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
.
ทั้ง 9 ความฝันนี้ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ หาก 250 ส.ว. เลือกใช้อำนาจ โดยปราศจากการรับฟัง ‘ฉันทามติ’ ของประชาชน หรือสายลมแห่งการเปลียนแปลง ต้องเจอกำแพงที่เรียกว่า ส.ว.?
.
Sources : พรรคก้าวไกล, BBC, Workpointtoday, Posttoday, The Matter, The Standrad.