แอป Club House
แอปที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเหมือนจะประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน ด้วยการกดสูตร ELONMUSK
แต่ความจริงแล้ว 2 ผู้ก่อตั้ง พอล เดวิดสัน และ โรฮาน เซธ สั่งสมประสบการณ์ ทำ Startup โซเชียลมีดีเดียมามากมาย และเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เสียงเป็นหลักคล้าย ๆ Clubhouse ด้วย
ทั้งสองคนผ่านความล้มเหลวมากว่า 9 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 10 ปี (ที่มา: Business Insider)
ก่อนจะมาทำ Club House ในปี 2020 จนเปรี้ยงปร้างในปี 2021 จนมูลค่าของ Club House พุ่งขึ้นมาแตะ 36,000 ล้านบาท ภายใน 11 เดือน
———-
เครื่องดูดฝุ่น Dyson
เซอร์เจมส์ ไดสัน อยากจะสร้างเครื่องดูดฝุ่นที่ดีกว่าเครื่องแบบเดิม ๆ
ในการผลิตเครื่องดูดฝุ่นต้นแบบไดสันผ่านความล้มเหลวถึง 5,126 ครั้ง และสำเร็จในครั้งที่ 5,127
ปัจจุบัน Dyson มียอดขายราว ๆ 200,000 ล้านบาทต่อปี และเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ขายได้มูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์เครื่องดูดฝุ่นด้วยกัน
———-
โลกพ่อมด Harry Potter
เจ.เค.โรว์ลิ่งใช้เวลาหลายปี เขียน Harry Potter ขึ้นในร้านกาแฟแถวบ้าน ที่จริงแล้วเธอมีผลงานนิทานเด็กอยู่บ้าง แต่มันไม่ได้ทำรายได้ให้เธอมากนัก เพราะเธอประสบปัญหาเรื่องเงิน การหย่าร้างกับสามี และต้องเลี้ยงดูลูก ๆ ด้วยตัวคนเดียว
หลังต้นฉบับ Harry Potter เสร็จ เธอก็ส่งมันไปที่สำนักพิมพ์ต่าง ๆ แต่ถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ถึง 12 แห่ง ก่อนจะถูกตอบรับโดยสำนักพิมพ์ Bloomsbury ที่ให้ลูกสาวของเขาลองอ่านต้นฉบับ แล้วบอกว่ามันน่าติดตาม
ปัจจุบันหนังสือชุด Harry Potter มียอดขายมากกว่า 400 ล้านเล่มทั่วโลก ต่อยอดเป็นภาพยนตร์ ถูกขยับขยายออกมาเป็น Wizarding World จนมูลค่าแฟรนไชส์ Harry Potter ถูกประเมินไว้ว่า มีมูลค่าสูงถึงราว ๆ 7.5 แสนล้านบาท
———-
รองเท้า Onitsuka Tiger
‘คิฮาชิโร โอนิซึกะ’ ผู้ก่อตั้ง เริ่มด้วยการลองทำรองเท้าบาสเก็ตบอลวางขาย แต่ปรากฎว่าขายไม่ได้เลย และคนไม่ใส่เพราะมันดูแปลกประหลาดกว่ารองเท้าทั่วไป เลยปรับปรุงหลายครั้ง ก่อนจะสะสมชื่อเสียงจนเป็นที่สนใจขึ้นมาในงานโอลิมปิกปี 1968 แต่ก็เงียบ ๆ ไป
จนกระทั่งหลายสิบปีต่อมา Asics หยิบเอา Onitsuka Tiger ขึ้นมาปัดฝุ่น ทำการตลาดใหม่ และประสบความสำเร็จเป็นที่นิยมอย่างมาก และเป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์กีฬาชั้นนำของโลกอีกครั้ง
ในปี 2018 Asics มีรายได้ 107,925 ล้านบาท และแบรนด์ Onitsuka Tiger คิดเป็น 43% ของรายได้ทั้งหมด คิดเป็นยอดขายกว่า 43,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนรุ่นที่ได้รับความนิยมมาตลอด คือ Mexico 66
———-
กระดาษโน้ต Post-It โดย 3M
สเปนเซอร์ ซิลเวอร์ ตั้งใจคิดค้นกาวที่ใช้ในการผลิตเครื่องบิน ซึ่งเขาต้องการกาวที่เหนียวมาก ๆ แต่ก็ล้มเหลว เพราะผลการทดลองออกมาเป็นกาวที่ไม่เหนียวเลย แต่ดีตรงที่ลอกแล้วไม่ติดพื้นผิว
ในขณะเดียวกัน อาร์เธอร์ ฟราย พอรู้ว่าข่าวกาวที่ล้มเหลวของสเปนเซอร์ เลยนำมาลองทำเป็นโน้ตชนิดมีกาว แปะแล้วลอกได้ ไม่เหนียว และให้พนักงานบริษัทลองใช้สื่อสารกันดู ปรากฎว่าผู้ที่ได้ลองใช้ กลับมาซื้อซ้ำเกือบทุกคน และ Post-It ก็กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีทุกสำนักงานไปในที่สุด
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้ทำยอดขายได้กว่า 31,000 ล้านบาทต่อปี
———-
ที่มา:
– CNBC
– marketeer online
– Onitsuka Tiger
– Brandinside
– The Conversation
– Business Insider