หม้อชนหม้อ Momo Paradise VS สุกี้ตี๋น้อย | สรุปชาบูสุกี้ ที่มาแรงที่สุดตอนนี้

Highlight

หม้อชนหม้อ Momo Paradise VS สุกี้ตี๋น้อย | สรุปชาบูสุกี้ ที่มาแรงที่สุดตอนนี้ #Agenda จะพาไปรู้จักสองธุรกิจชาบูสุกี้บุฟเฟต์ร้อยล้านสุดฮอตร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ อย่าง ‘ #MomoParadise ’ และ ‘ #สุกี้ตี๋น้อย ’ จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

หม้อซ้ายหรือหม้อขวา เลือกเลย!

หม้อชนหม้อ Momo Paradise VS สุกี้ตี๋น้อย | สรุปชาบูสุกี้ ที่มาแรงที่สุดตอนนี้

ไหนใครสายบุฟเฟต์ชาบูสุกี้บ้างน้า

#Agenda จะพาไปรู้จักสองธุรกิจชาบูสุกี้บุฟเฟต์ร้อยล้านสุดฮอตร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ อย่าง ‘ #MomoParadise ’ และ ‘ #สุกี้ตี๋น้อย ’ จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

————-

Momo Paradise – ที่สุดของชาบู-ชาบูและสุกี้ยากี้ จากญี่ปุ่น

ต้นกำเนิดสาขาแรกอยู่ที่ “คาบูกิโช-ชินจูกุ” กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2536 ชูจุดเด่นด้านคุณภาพคุ้มค่าในราคาจับต้องได้ ปัจจุบัน Momo Paradise มีสาขาถึง 40 แห่งทั่วโตเกียวและใกล้เคียง 

คุณเอ สุรเวช เตลาน บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด ผู้บุกเบิกเจ้าของแฟรนไชส์ Mo-Mo-Paradise ในประเทศไทย เล่าว่าเขามีโอกาสได้ทาน Momo Paradise ที่ญี่ปุ่น แล้วรู้สึกถูกใจในรสชาติและมาตรฐานอันมีคุณภาพของแบรนด์ จึงสนใจจะบุกตลาด เข้าติดต่อบริษัทแม่ญี่ปุ่นขอนำแบรนด์มาเปิดในประเทศไทย

เขาเชื่อว่าความอร่อยแบบต้นตำรับ 100% จะมัดใจคนไทยและประสบความสำเร็จแบบที่ญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน 

จนปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้วถึง 18 สาขา มีเมนูให้เลือก 20 – 30 เมนู ถึงจะไม่มากนักแต่มีจุดเด่นหลักที่ ‘คุณภาพ’ และรสชาติที่ดีเลิศ มีเทรนด์การสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ จากลูกค้าอยู่เสมอ โดยเฉพาะไข่ไก่สดดองซีอิ้วที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้

สำหรับรายได้และกำไรของ Momo Paradise ย้อนหลังที่ผ่านมา

ปี 2560 มีรายได้ 400 ล้านบาท กำไร 10 ล้านบาท

ปี 2561 มีรายได้ 530 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท

ปี 2562 มีรายได้ 764 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท

ส่วนราคาของ Momo Paradise สาขาอื่นๆ อิ่มไม่อั้น ราคา 560+ บาท / ท่าน

เฉพาะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ อิ่มไม่อั้น แบ่งเป็น 2 ราคา

– Standard Gold Course : 690+ บาท / ท่าน  

– Premium Gold Course : 1,290+ บาท / ท่าน

————-

สุกี้ตี๋น้อย – อร่อยไม่อั้น เที่ยงวันยันเช้า

ต้นกำเนิดของสุกี้ตี๋น้อย โดยคุณคุณเฟิร์น นัทธมน พิศาลกิจวนิช

ก่อนที่จะมาทำสุกี้ตี๋น้อย ครอบครัวเคยทำร้านอาหารเรือนปั้นหยามาก่อน แต่ประสบปัญหาเรื่องการควบคุมมาตรฐานอาหารและการบริการให้ออกมาเท่ากันในทุกสาขา คุณเฟิร์นจึงเกิดแนวคิดที่จะทำร้านสุกี้บุฟเฟต์ขึ้นมาภายใต้บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป

จุดแข็งคือ อร่อยไม่อั้น เที่ยงวันยันเช้า

เพราะสุกี้ตี๋น้อยนั้นเริ่มเปิดให้บริการตอนเที่ยงวัน และปิดอีกทีในตอนรุ่งสางคือ ตี 5 (ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด) เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ทำงานในช่วงกลางคืนและต้องการที่จะทานบุฟเฟต์แบบไม่รีบร้อนได้เป็นอย่างดี 

ปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้วถึง 26 สาขา

และมีเมนูให้เลือกหลากหลายมากถึง 50 กว่าเมนูด้วยกัน 

ด้วยราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และรสชาติที่อร่อย ทำรายได้และกำไรให้กับร้านสุกี้ตี๋น้อย ย้อนหลังที่ผ่านมาได้ถึง

ปี 2562 มีรายได้ 500 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท

9 เดือนแรก ปี 2563 รายได้ 500 ล้านบาท

แม้จะเกิดโควิด-19 ที่ทำให้รายได้ของร้านหายไปเกือบ 70% แต่ทางสุกี้ตี๋น้อย ก็เปิดบริการอาหารแบบพร้อมทานในราคาถูก จับต้องได้ ทำการจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ เพื่อเป็นการรักษาลูกค้าเดิมไว้ แถมยังคงราคาบุฟเฟต์เดิมอยู่ที่ 199+ บาท / ท่าน และทำการปรับเปลี่ยนเวลาเปิดให้บริการ เป็น 12.00 – 23.00น. ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

————-

ที่มา : Longtunman, Momoparadiseth, Thailandrestaurantnews, Bangkokbiznews

Popular Topics