Steve Jobs กับ Elon Musk คือ 2 ชื่ออันเลื่องลือที่สุดแห่งยุค ในแง่ของการสร้างสรรค์สินค้าเปลี่ยนโลก
Steve Jobs คือผู้พลิกอุตสาหกรรมดนตรีด้วย iPod และ Apple Music และเปลี่ยนชีวิตคนทั่วโลกด้วยสมาร์ทโฟนปุ่มเดียว (และไม่มีปุ่มในที่สุด)
ส่วน Elon Musk ผู้ผลักดันและสร้างฝันเรื่องไปอวกาศ เทคโนโลยีต่าง ๆ แล้วแต่จินตนาการของ Elon Musk จะคิดออก ทั้งการเดินทางด้วย Hyperloop จนในที่สุดก็ได้มามีบทบาทในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ที่มากกว่าแค่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า แต่ยังตอบสนองการใช้งานรอบด้านจนคู่แข่งตามไม่ทันอีกด้วย
แม้จะประสบความสำเร็จในด้านสร้างนวัตกรรมเจ๋ง ๆ เหมือนกัน
แต่ CEO ทั้ง 2 กลับมีเส้นทาง วิธีคิดและบุคลิกแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
จะต่างกันแค่ไหน มาดูกัน!
————
1. ความแตกต่างในแง่ของบุคลิกภาพ
ถ้าหากแบ่งบุคลิกภาพของทั้ง 2 คนตามแบบ MBTI ยอดฮิต (ที่แบ่งบุคลิกออกเป็น 16 แบบ)
• Steve Jobs จะมีบุคลิกภาพแบบ ENTJ หรือ ผู้บัญชาการ คือมีบุคลิกเป็นผู้นำโดยกำเนิด มีเหตุผลที่เฉียบขาด
มีความสามารถที่โดดเด่นในการชักจูงคนได้ ซึ่งก็โดดเด่นมากเมื่อเราพบว่าสาวก Apple นั้นเหนียวแน่นเพียงใด
บุคลิกภาพของ Jobs ที่ขึ้นชื่อเรื่องความจี๊ดในการทำงานกับคนอื่น ยังตรงกับบุคลิกของคนดัง/ตัวละครอื่นๆ ที่คล้ายกันด้วย เช่น
– เชฟ Gordon Ramsay
– Miranda Priestly จาก The Devil Wears Prada
และ Doctor Strange จากค่าย Marvel
• Elon Musk มีบุคลิกภาพแบบ INTJ หรือ นักออกแบบ คือเป็นคนช่างจินตนาการ รักการอ่าน มีความสนใจใคร่รู้อย่างมากพอๆ กับความทะเยอทะยาน
บุคลิกภาพของ Musk มักจะเซอร์ไพรส์เราด้วยไอเดียเจ๋ง ๆ ที่ดูเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นไปได้ด้วยตรรกะที่ผสมเข้ากับจินตนาการอันล้ำลึก ทำให้คนดัง/ตัวละครที่บุคลิกคล้ายกัน มักจะเป็นนักวางแผนเก่งๆ ที่เรารู้จักดี เช่น
– Vladimir Putin ผู้นำของรัสเซีย
– Tywin Lannister และ Little Fingers สองนักวางแผนในซีรีส์ Game of Thrones
และ Professor Moriarty จาก Sherlock Holmes
นอกจากนี้บุคลิกเพลย์บอยนิดๆ และความอัจฉริยะของ Elon Musk ยังทำให้หลาย ๆ คนนึกถึงตัวละครอย่าง Tony Stark ในเรื่อง Iron Man (ซึ่งเขาเคยเป็น Cameo ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย)
————
2. ชีวิตวัยเด็ก
• Steve Jobs มีชีวิตวัยรุ่นที่น่าสนใจ เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ดี จากทุนของพ่อแม่บุญธรรม แต่ Jobs เลือกที่จะไม่เรียน โดยสนใจเรียนแค่วิชาออกแบบตัวอักษร ระหว่างดรอปเรียน เขาไม่มีเงินเลย ต้องขอนอนที่ห้องเพื่อน ๆ และเดินเท้าเปล่าไปขอข้าวกินที่วัด
ในแง่ของความเชื่อ Jobs เป็น Fruitarian เขาไม่ชอบอาบน้ำ และเชื่อว่าการกินแต่ผลไม้ โดยเฉพาะแอปเปิ้ลที่เป็นผลไม้โปรด จะทำให้เขาไม่มีกลิ่นตัว (และยังเป็นเหตุผลนึงในการตั้งชื่อบริษัทว่า Apple)
FBI ยังเผยว่า เขามีประวัติการใช้ยาเสพติดอีกด้วย
• Elon Musk ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก ๆ ชนิดที่ไม่แปลกใจเลยว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะจริง ๆ เขารักการอ่าน อ่านหนังสือวันหนึ่งหลายชั่วโมง อ่านได้ประมาณวันละ 2 เล่ม เรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว
และยังจมกับไอเดียประดิษฐ์จนครอบครัวเคยคิดว่าเขาหูหนวก และที่น่าเศร้าคือ ในวัยเด็กเขาเพื่อน ๆ รังแกอย่างหนัก
————
3. หลักการคิดชื่อบริษัท/Logo
• Jobs เน้นเรียบง่าย ความหมายหลายมุม
สำหรับ Jobs การตั้งชื่อบริษัทว่า Apple นั้นลงตัวในหลายมุมมองสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็น
– แอปเปิ้ลเป็นผลไม้แห่งปัญญา (ตอนแรกโลโก้ของแอปเปิ้ลเป็นรูปเซอร์ไอแซค นิวตันนั่งใต้ต้นแอปเปิ้ล)
– ถ้าค้นหาเรียงตามตัวอักษร ชื่อ Apple จะขึ้นก่อนบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังในขณะนั้นอย่าง IBM และ Atari
– เขาชอบกิน Apple
– รอยกัดบนแอปเปิ้ลถูกเพิ่มมาโดยเพื่อนที่เป็นคนออกแบบโลโก้ให้ Apple โดยมีเหตุผลว่าคำว่า Bite (กัด) พ้องกับคำว่า Byte ในภาษาคอมพิวเตอร์
• ส่วน Elon Musk เน้นอะไรไม่อาจทราบได้
เพราะชื่อ Boring Company ที่เขาตั้ง ให้เหตุผลเพียงว่าเป็นชื่อที่ตลกดี เวลาบอกคนอื่นว่าทำงานที่ไหน
ส่วนโลโก้ของ Tesla เขาก็ยอมรับกับคนอื่นง่าย ๆ เลยว่าเอามาจากรูปทรงจมูกของแมว
————
4. ชื่อลูก
• Jobs ไม่ได้เลือกชื่อของลูกสาวเอง และเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีนักกับลูกสาว แต่ก็มีการเปิดเผยในภายหลังว่า ชื่อของ Lisa ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อรุ่น Computer บุกเบิก (แต่ไม่ประสบความสำเร็จในเวลานั้น)
• ส่วน Elon Musk มีหลักในการตั้งชื่อลูกที่ไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครเหมือน
เพราะกับลูกคนล่าสุด เขาต้องการที่จะตั้งชื่อว่า X Æ A Xii (อ่านว่า X Ash A Twelve หรือ เอ็กซ์ แอช เอ ทเวลฟ์) ที่มีความหมายของชื่อสื่อถึงตัวแปร, ปัญญาประดิษฐ์ และเครื่องบินรบ
ทำเอาฝ่ายราชการปวดหัว เพราะเป็นชื่อที่ประกอบจากตัวอักษรพิเศษ และที่ ๆ เด็กคลอดคือรัฐ California ไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อที่ประกอบจากตัวอักษรเหล่านี้
————
5. ตั้งชื่อสินค้า
• Jobs ยังคงเน้นความเรียบง่าย ด้วยการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์แบบเป็นเอกลักษณ์ อย่าง iPhone และเรียงรุ่นกันไปตามตัวเลข เช่น iPhone 6, iPhone 7, iPhone 8
• ส่วน Elon Musk ยังใส่ความสนุกสนานกับการตั้งชื่อ
เพราะโมเดลรถของ Tesla ถุกเรียกแต่ละโมเดลว่า โมเดล S โมเดล X โมเดล Y และโมเดล E ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโมเดล 3
แต่ชื่อทั้งหมดนี้ก็ยังสามารถนำมาเรียงกันเป็นคำว่า S III X Y หรือ S ☰ X Y หรือแม้ว่า S 3 X Y หรือ Sexy ได้
————
แล้วความต่างสุดขั้วของ 2 คนนี้บอกอะไรเรา?
ความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วของทั้ง 2 คน มองเผิน ๆ อาจจะเป็นเพียงบุคลิกแสบๆ ของ 2 อัจฉริยะ
แต่จริง ๆ แล้ว มันยังบอกให้เรารู้ด้วยว่า ความสำเร็จนั้นไม่มีสูตรตายตัว แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ความมุ่งมั่นและตั้งใจในแบบของตัวเอง
#AGENDA
ที่มา:
- https://time.com/5385383/lisa-brennan-jobs-small-fry-apple/
- https://www.macthai.com/2014/01/12/did-you-know-why-steve-jobs-name-company-as-apple/
- https://www.16personalities.com/th/entj-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E
- https://www.youtube.com/watch?v=nfiRd4Y5z_g