ทำไม Apple ถึงเป็นผู้นำเทรนด์ทางเทคโนโลยี

Apple ถือเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ไม่ว่าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อะไรออกมา ก็ได้รับ Spotlight จากคนทั้งโลกอยู่เสมอ ถือเป็นผู้บุกเบิกเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่กาลเวลาได้พิสูจน์ว่า “ความแปลก” ในวันนั้น กลายเป็น “ความแมส” ในวันนี้ได้

0
1506

Apple ถือเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ไม่ว่าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อะไรออกมา ก็ได้รับ Spotlight จากคนทั้งโลกอยู่เสมอ ถือเป็นผู้บุกเบิกเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่กาลเวลาได้

พิสูจน์ว่า “ความแปลก” ในวันนั้น กลายเป็น  “ความแมส” ในวันนี้ได้

——–

– iPhone รุ่นแรก โทรศัพท์ไร้ปุ่มกด ถูกสบประมาทว่าคงไม่มีความเสถียรพอในการป้อนข้อความ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ “สมาร์ทโฟน” จนโทรศัพท์ทุกวันนี้ก็ไม่มีปุ่มกดอีกแล้ว
– Airpod หูฟังที่เคยถูกแซวว่ารูปร่างตลกเหมือนมีติ่งออกมาจากหู ปัจจุบันก็กลายเป็นต้นแบบที่เจ้าอื่นทำรูปร่างคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออก
– No adapter ปฏิวัติวงการ เมื่อ Apple เลือกไม่แถมหัวชาร์ต แม้จะโดนตำหนิถึงความคุ้มค่า หลายเดือนต่อมาค่ายอื่นก็ขอทำตามบ้าง

ตัวอย่างเล็กน้อยที่สะท้อนการตัดสินใจกล้าจะเปลี่ยนแปลง แปลก แต่มีจุดยืน เมื่อเวลาผ่านไป โลกก็ตระหนักว่า Apple ได้กลายเป็นผู้นำเทรนด์ทางเทคโนโลยี หรือ Trend setter ไปแล้ว

——–

แล้วอะไร คือ ปัจจัยที่ทำให้ Apple กลายเป็นผู้นำแฟชั่นแห่งวงการไอที #AGENDA ชวนมาดูกัน

1. ลูกค้าไม่รู้แต่ Apple รู้


การวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคเรื่องเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่  Apple ให้ความสำคัญ มีการศึกษา ทดลองและวิจัย เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากกว่าที่ผู้บริโภคจะรู้ทันใจของตัวเอง

การเป็น Trend Setter คือ การทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครเคยทำในมิติของ “ความใหม่” จึงเป็นสิ่งแปลกใหม่ในความรู้สึกนึกคิดของผู้คน ที่บางครั้งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการสิ่งนั้น หรือเรียกว่ามองการณ์ไกลกว่าใจลูกค้า

เมื่อสามารถเจาะไปในเบื้องลึกความต้องการของลูกค้าได้ จึงทำให้แต่ละผลิตภัณฑ์มี “ความว้าว” แบบที่ถ้าลูกค้าคาดหวัง 10 ต้องเปิดตัวและสร้างสรรค์สินค้าให้ได้มากกว่านั้นให้ได้

เช่น การกำเนิดหน้าจอ Touch Screen ที่ผู้คนสมัยก่อนไม่เคยรู้ว่าสะดวกสบายมากแค่ไหน จน Steve Jobs สร้างมันให้เกิดขึ้นใน iPhone1 ในที่สุด

- Advertisement -

2. ดีไซน์ที่เขย่าหัวใจ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูปทรง รูปร่างของผลิตภัณฑ์ Apple ล้วนมีความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ตั้งแต่สมัยของ Steve Jobs เขาให้ความสำคัญกับการ Design สินค้าของบริษัทอย่างมาก

น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ คงอธิบายให้เห็นภาพสินค้าของ Apple ได้เป็นอย่างดี

Jobs เคยอธิบายหลักการออกแบบสินค้า Apple ไว้ว่า “สิ่งที่เราจะทำ คือ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงถูกบรรจุอยู่ในดูรูปลักษณ์เรียบง่าย สวยงาม และเปล่งประกายในสายตาของคนซื้อ”

กระบวนการพัฒนาที่เน้นการออกแบบให้ล้อไปในทิศทางแบบเดียวกัน ทำให้ Apple สามารถสร้าง gadget ที่สวยงามได้ Apple มุ่งเน้นที่ประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่ผู้ใช้เห็นและสัมผัสนั้นยอดเยี่ยม ทั้งยังมีความโดดเด่นและเห็นแล้วเป็นที่น่าจดใจ

ดีไชน์ที่ใช่ทำให้ลูกค้ามีอาการตาลุกวาวทุกครั้งที่มีข่าวว่า Apple จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จนแบรนด์อื่น ๆ ต้องชั่งน้ำหนักการออกแบบเพื่อต่อสู่ในตลาดเทคโนโลยี ว่าจะล้อไปตามสไตล์ของ Apple หรือฉีกให้เด่นในแบบของตัวเอง

เช่น รูปแบบตัวเครื่องของ iPhone แต่ละเจนเนอเรชั่นจะไม่แตกต่างกันมาก แม้จะมีข้อติติงเรื่องดีไซน์ที่จำเจแต่ยอดขายของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นก็เรียกว่า “ถล่มทลาย” และอยู่ในจุดที่ยอมรับได้

3. จักรวาล Apple : Ecosystem สร้าง Brand Loyalty

จักรวาลสินค้า Apple ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้ง iPhone, Apple Watch, macbook, iPad, Apple TV และอีกมากมาย มีระบบเครือข่ายถูกพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ

วิธีนี้ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและเป็นจุดแข็งที่เมื่อมีอุปกรณ์ใหม่เพิ่มในระบบ สาวกและผู้บริโภคจึงพร้อมใจที่จะเป็นเจ้าของ

จุดเริ่มต้นของ Ecosystem คือ การที่ Steve Jobs เห็นว่าคอมพิวเตอร์ของ Microsoft เกิดจากการประกอบชิ้นส่วนจากหลายบริษัท ซึ่งหากเกิดปัญหาจะเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนในการแก้ไข นำไปสู่การออกแบบระบบการผลิตของตัวเองที่ Apple สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเอง (IOS) ให้ชิพประมวลผลของตัวเอง (ตระกูล A) และมีร้านจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (Apple Store) เป็นหลัก

ระบบ Ecosystem กลายเป็นอีกเทรนด์ที่วงการ IT ให้ความสนใจและแข่งขันกันเป็นจุดขาย คู่แข่งที่เห็นได้ชัด คือ แบรนด์เทคโนโลยีชื่อดังจากจีนแผ่นดินใหญ่ (สีส้ม) ที่เริ่มมาใช้กลยุทธ์ในทำนองเดียวกัน

4. ระบบใหม่ คุณได้ไปต่อ

ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบของผลิตภัณฑ์ไปแค่ไหน แต่ประสิทธิภาพภายใต้สินค้าของ Apple ยังเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเทคโนโลยี ทั้งความเสถียร การใช้งานง่าย การรับประกัน ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว

การพัฒนาระบบปฏิบัติการต่าง ๆ นั้น ต้องมีความสมบูรณ์มากที่สุด จะเห็นได้ว่า Apple มักมีการอัปเดตระบบปฏิบัติการของผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นข้อดีที่ลูกค้าจะสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยไปพร้อมกัน

เช่น การซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple มีระยเวลาการใช้งานกว่าของหลายบริษัทเพราะจะมีการอัปเดตระบบปฏิบัติ อย่างน้อย 3-5 ระบบ ในหนึ่งอุปกรณ์

การดูแลระบบปฏิบัติการของลูกค้าเป็นสิ่งที่นำเทรนด์ทางเทคโนโลยี และกระตุ้นให้คู่แข่งรายอื่นต้องพัฒนาระบบการใช้งานให้สามารถแข่งขันและครองความนิยมในหมู่ผู้บริโภคให้ได้

5. เป็นแบรนด์แฟชั่นทางไอที

การเปิดตัวของสินค้า Apple มักจะมีกำหนดเวลาแต่ละปีชัดเจน คล้ายกับการออกคอลเล็กชั่นใหม่ในวงการแฟชั่น ทำให้ผู้คนต่างจับตามองถึงความ “ใหม่” ทั้งในบริบทของรูปลักษณ์และฟังก์ชั่น

รูปแบบการเปิดตัวที่เป็นการประชุมสัมมนาถูกสร้างให้มีความเป็นเอกลักษณ์ เสมือนกับการจัดแฟชั่นโชว์ของแบรนด์เสื้อผ้า จนหลายค่ายก็ได้มีการนำวิธีเดียวกันนี้ไปประยุกต์-ปรับเปลี่ยนให้คล้ายตามกัน

นอกจากนี้ Apple มีความเป็นแบรนด์ในตัวสูงและแบรนด์มีมูลค่าให้ตัวเอง ทำให้ส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้ใช้ไปพร้อมกัน และอีกบางครั้งที่มีความร่วมกันกับแบรนด์ในวงการอื่น ๆ เพื่อสร้างจุดขาย

เช่น การที่แบรนด์ต่าง ๆ ในอุตสากรรมแฟชั่นผลิตสินค้าที่สอดรับกับสินค้าของ Apple เช่น เคส หรือการออกแบบกระเป๋าให้มีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับรองรับสินค้าจาก Apple เป็นต้น

6. CEO โชว์ Product

งานเปิดตัวของ Apple กลายเป็น Big Event ที่คนตั้งโลกจับจ้อง ประกอบกับเทคนิคการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การลำดับร้อยเรียงเรื่องราวแบบ Story Telling ที่น่าหลงใหล

ภาพของ CEO ตั้งแต่สมัย  Steve Jobs จนถึง Tim Cook ออกมาพูดนำเสนอกลายเป็นภาพจำของลูกค้า การให้ข้อมูลและแสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต ตามด้วยการกล่าวถึงปัญหาซึ่งเป็นที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงไปสู่สินค้าของตัวเองในรุ่นใหม่ เป็นรูปแบบที่หลายบริษัทหยิบยกไปทำตามในเวลาต่อมา

ทั้งสไลด์และวิดีโอจะถูกสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านดีไซน์และเทคโนโลยี ไม่เน้นการใช้ตัวหนังสือ แต่ข้อมูลที่จำเป็นจะได้ยินจากปากของผู้พูดเป็นส่วนใหญ่

และการนำเสนอสินค้าจะวางอยู่บนกฎ “Three is a magic number” คือ มีประเด็นใหม่เพียงแค่ 3 หัวข้อ ตามการศึกษาวิจัยที่จะทำให้ผู้ฟังจดจำเนื้อหาของผู้พูดได้ดีที่สุด

แม้ว่าเมื่อใกล้ถึงเวลาการเปิดตัวของสินค้า จะมีบรรดาภาพหลุดออกมาอยู่เป็นประจำ ทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่ก็ไม่สามารถลบล้างกระแสความคาดหวังที่จะได้เห็นสินค้าใหม่พร้อมกันในช่วงเวลางานเปิดตัว และความสนใจมหาศาลก็ส่งผลให้ แฮชแท็กของ AppleEvent มักจะขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์เกือบทุกครั้ง แบบที่ค่ายอื่นไม่สามารถทำได้

——–

ประสิทธิภาพได้รับการยอมรับและความเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็ง ทำให้ Apple สามารถก้าวขึ้นเป็น Trend Setter ของวงการเทคโนโลยีของโลก สามารถเข้าเป็นยืนเป็น Top of Mind ของลูกค้า

หลังจากนี้ จงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า “ความแปลกใหม่” ของ Apple ภายใต้การนำของ “Tim Cook” 🧑‍💻 จะมีอะไรที่ขึ้นมาเป็น Trend Setter ของโลก IT ในอนาคตอีกบ้าง

ที่มา: marketeeronline, vox.com, businesstimes.com

บทความก่อนหน้านี้ส่องตลาดคอนเทนท์ 2021 ใครกวาดรายได้เท่าไหร่บ้าง Part 2
บทความถัดไปพระสยามเทวาธิราช สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองไทย แล้วสัญลักษณ์อะไร เป็นตัวแทนของประเทศอื่น ?