Apple ถือเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ไม่ว่าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อะไรออกมา ก็ได้รับ Spotlight จากคนทั้งโลกอยู่เสมอ ถือเป็นผู้บุกเบิกเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่กาลเวลาได้
พิสูจน์ว่า “ความแปลก” ในวันนั้น กลายเป็น “ความแมส” ในวันนี้ได้
——–
– iPhone รุ่นแรก โทรศัพท์ไร้ปุ่มกด ถูกสบประมาทว่าคงไม่มีความเสถียรพอในการป้อนข้อความ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ “สมาร์ทโฟน” จนโทรศัพท์ทุกวันนี้ก็ไม่มีปุ่มกดอีกแล้ว
– Airpod หูฟังที่เคยถูกแซวว่ารูปร่างตลกเหมือนมีติ่งออกมาจากหู ปัจจุบันก็กลายเป็นต้นแบบที่เจ้าอื่นทำรูปร่างคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออก
– No adapter ปฏิวัติวงการ เมื่อ Apple เลือกไม่แถมหัวชาร์ต แม้จะโดนตำหนิถึงความคุ้มค่า หลายเดือนต่อมาค่ายอื่นก็ขอทำตามบ้าง
ตัวอย่างเล็กน้อยที่สะท้อนการตัดสินใจกล้าจะเปลี่ยนแปลง แปลก แต่มีจุดยืน เมื่อเวลาผ่านไป โลกก็ตระหนักว่า Apple ได้กลายเป็นผู้นำเทรนด์ทางเทคโนโลยี หรือ Trend setter ไปแล้ว
——–
แล้วอะไร คือ ปัจจัยที่ทำให้ Apple กลายเป็นผู้นำแฟชั่นแห่งวงการไอที #AGENDA ชวนมาดูกัน
1. ลูกค้าไม่รู้แต่ Apple รู้
การวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคเรื่องเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ Apple ให้ความสำคัญ มีการศึกษา ทดลองและวิจัย เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากกว่าที่ผู้บริโภคจะรู้ทันใจของตัวเอง
การเป็น Trend Setter คือ การทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครเคยทำในมิติของ “ความใหม่” จึงเป็นสิ่งแปลกใหม่ในความรู้สึกนึกคิดของผู้คน ที่บางครั้งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการสิ่งนั้น หรือเรียกว่ามองการณ์ไกลกว่าใจลูกค้า
เมื่อสามารถเจาะไปในเบื้องลึกความต้องการของลูกค้าได้ จึงทำให้แต่ละผลิตภัณฑ์มี “ความว้าว” แบบที่ถ้าลูกค้าคาดหวัง 10 ต้องเปิดตัวและสร้างสรรค์สินค้าให้ได้มากกว่านั้นให้ได้
เช่น การกำเนิดหน้าจอ Touch Screen ที่ผู้คนสมัยก่อนไม่เคยรู้ว่าสะดวกสบายมากแค่ไหน จน Steve Jobs สร้างมันให้เกิดขึ้นใน iPhone1 ในที่สุด
2. ดีไซน์ที่เขย่าหัวใจ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูปทรง รูปร่างของผลิตภัณฑ์ Apple ล้วนมีความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ตั้งแต่สมัยของ Steve Jobs เขาให้ความสำคัญกับการ Design สินค้าของบริษัทอย่างมาก
น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ คงอธิบายให้เห็นภาพสินค้าของ Apple ได้เป็นอย่างดี
Jobs เคยอธิบายหลักการออกแบบสินค้า Apple ไว้ว่า “สิ่งที่เราจะทำ คือ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงถูกบรรจุอยู่ในดูรูปลักษณ์เรียบง่าย สวยงาม และเปล่งประกายในสายตาของคนซื้อ”
กระบวนการพัฒนาที่เน้นการออกแบบให้ล้อไปในทิศทางแบบเดียวกัน ทำให้ Apple สามารถสร้าง gadget ที่สวยงามได้ Apple มุ่งเน้นที่ประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่ผู้ใช้เห็นและสัมผัสนั้นยอดเยี่ยม ทั้งยังมีความโดดเด่นและเห็นแล้วเป็นที่น่าจดใจ
ดีไชน์ที่ใช่ทำให้ลูกค้ามีอาการตาลุกวาวทุกครั้งที่มีข่าวว่า Apple จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จนแบรนด์อื่น ๆ ต้องชั่งน้ำหนักการออกแบบเพื่อต่อสู่ในตลาดเทคโนโลยี ว่าจะล้อไปตามสไตล์ของ Apple หรือฉีกให้เด่นในแบบของตัวเอง
เช่น รูปแบบตัวเครื่องของ iPhone แต่ละเจนเนอเรชั่นจะไม่แตกต่างกันมาก แม้จะมีข้อติติงเรื่องดีไซน์ที่จำเจแต่ยอดขายของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นก็เรียกว่า “ถล่มทลาย” และอยู่ในจุดที่ยอมรับได้
3. จักรวาล Apple : Ecosystem สร้าง Brand Loyalty
จักรวาลสินค้า Apple ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้ง iPhone, Apple Watch, macbook, iPad, Apple TV และอีกมากมาย มีระบบเครือข่ายถูกพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ
วิธีนี้ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและเป็นจุดแข็งที่เมื่อมีอุปกรณ์ใหม่เพิ่มในระบบ สาวกและผู้บริโภคจึงพร้อมใจที่จะเป็นเจ้าของ
จุดเริ่มต้นของ Ecosystem คือ การที่ Steve Jobs เห็นว่าคอมพิวเตอร์ของ Microsoft เกิดจากการประกอบชิ้นส่วนจากหลายบริษัท ซึ่งหากเกิดปัญหาจะเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนในการแก้ไข นำไปสู่การออกแบบระบบการผลิตของตัวเองที่ Apple สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเอง (IOS) ให้ชิพประมวลผลของตัวเอง (ตระกูล A) และมีร้านจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (Apple Store) เป็นหลัก
ระบบ Ecosystem กลายเป็นอีกเทรนด์ที่วงการ IT ให้ความสนใจและแข่งขันกันเป็นจุดขาย คู่แข่งที่เห็นได้ชัด คือ แบรนด์เทคโนโลยีชื่อดังจากจีนแผ่นดินใหญ่ (สีส้ม) ที่เริ่มมาใช้กลยุทธ์ในทำนองเดียวกัน
4. ระบบใหม่ คุณได้ไปต่อ
ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบของผลิตภัณฑ์ไปแค่ไหน แต่ประสิทธิภาพภายใต้สินค้าของ Apple ยังเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเทคโนโลยี ทั้งความเสถียร การใช้งานง่าย การรับประกัน ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว
การพัฒนาระบบปฏิบัติการต่าง ๆ นั้น ต้องมีความสมบูรณ์มากที่สุด จะเห็นได้ว่า Apple มักมีการอัปเดตระบบปฏิบัติการของผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นข้อดีที่ลูกค้าจะสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยไปพร้อมกัน
เช่น การซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple มีระยเวลาการใช้งานกว่าของหลายบริษัทเพราะจะมีการอัปเดตระบบปฏิบัติ อย่างน้อย 3-5 ระบบ ในหนึ่งอุปกรณ์
การดูแลระบบปฏิบัติการของลูกค้าเป็นสิ่งที่นำเทรนด์ทางเทคโนโลยี และกระตุ้นให้คู่แข่งรายอื่นต้องพัฒนาระบบการใช้งานให้สามารถแข่งขันและครองความนิยมในหมู่ผู้บริโภคให้ได้
5. เป็นแบรนด์แฟชั่นทางไอที
การเปิดตัวของสินค้า Apple มักจะมีกำหนดเวลาแต่ละปีชัดเจน คล้ายกับการออกคอลเล็กชั่นใหม่ในวงการแฟชั่น ทำให้ผู้คนต่างจับตามองถึงความ “ใหม่” ทั้งในบริบทของรูปลักษณ์และฟังก์ชั่น
รูปแบบการเปิดตัวที่เป็นการประชุมสัมมนาถูกสร้างให้มีความเป็นเอกลักษณ์ เสมือนกับการจัดแฟชั่นโชว์ของแบรนด์เสื้อผ้า จนหลายค่ายก็ได้มีการนำวิธีเดียวกันนี้ไปประยุกต์-ปรับเปลี่ยนให้คล้ายตามกัน
นอกจากนี้ Apple มีความเป็นแบรนด์ในตัวสูงและแบรนด์มีมูลค่าให้ตัวเอง ทำให้ส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้ใช้ไปพร้อมกัน และอีกบางครั้งที่มีความร่วมกันกับแบรนด์ในวงการอื่น ๆ เพื่อสร้างจุดขาย
เช่น การที่แบรนด์ต่าง ๆ ในอุตสากรรมแฟชั่นผลิตสินค้าที่สอดรับกับสินค้าของ Apple เช่น เคส หรือการออกแบบกระเป๋าให้มีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับรองรับสินค้าจาก Apple เป็นต้น
6. CEO โชว์ Product
งานเปิดตัวของ Apple กลายเป็น Big Event ที่คนตั้งโลกจับจ้อง ประกอบกับเทคนิคการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การลำดับร้อยเรียงเรื่องราวแบบ Story Telling ที่น่าหลงใหล
ภาพของ CEO ตั้งแต่สมัย Steve Jobs จนถึง Tim Cook ออกมาพูดนำเสนอกลายเป็นภาพจำของลูกค้า การให้ข้อมูลและแสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคต ตามด้วยการกล่าวถึงปัญหาซึ่งเป็นที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงไปสู่สินค้าของตัวเองในรุ่นใหม่ เป็นรูปแบบที่หลายบริษัทหยิบยกไปทำตามในเวลาต่อมา
ทั้งสไลด์และวิดีโอจะถูกสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านดีไซน์และเทคโนโลยี ไม่เน้นการใช้ตัวหนังสือ แต่ข้อมูลที่จำเป็นจะได้ยินจากปากของผู้พูดเป็นส่วนใหญ่
และการนำเสนอสินค้าจะวางอยู่บนกฎ “Three is a magic number” คือ มีประเด็นใหม่เพียงแค่ 3 หัวข้อ ตามการศึกษาวิจัยที่จะทำให้ผู้ฟังจดจำเนื้อหาของผู้พูดได้ดีที่สุด
แม้ว่าเมื่อใกล้ถึงเวลาการเปิดตัวของสินค้า จะมีบรรดาภาพหลุดออกมาอยู่เป็นประจำ ทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่ก็ไม่สามารถลบล้างกระแสความคาดหวังที่จะได้เห็นสินค้าใหม่พร้อมกันในช่วงเวลางานเปิดตัว และความสนใจมหาศาลก็ส่งผลให้ แฮชแท็กของ AppleEvent มักจะขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์เกือบทุกครั้ง แบบที่ค่ายอื่นไม่สามารถทำได้
——–
ประสิทธิภาพได้รับการยอมรับและความเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็ง ทำให้ Apple สามารถก้าวขึ้นเป็น Trend Setter ของวงการเทคโนโลยีของโลก สามารถเข้าเป็นยืนเป็น Top of Mind ของลูกค้า
หลังจากนี้ จงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า “ความแปลกใหม่” ของ Apple ภายใต้การนำของ “Tim Cook” 🧑💻 จะมีอะไรที่ขึ้นมาเป็น Trend Setter ของโลก IT ในอนาคตอีกบ้าง
ที่มา: marketeeronline, vox.com, businesstimes.com