เมื่อปี 2019 รัฐวาเล หนึ่งในรัฐของสวิสเซอร์แลนด์
ที่มีประชากรราว ๆ 3.3 แสนคน
ได้พิจารณาให้เด็ก ๆ กลับไปใส่ ‘ชุดนักเรียน’
ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงว่า
การทำแบบนั้นเท่ากับเป็นการ ‘ก้าวถอยหลัง’
มากกว่าการพัฒนาและเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ๆ หรือไม่?
💂🏻♀️ บทเรียนจากอดีต – แบ่งแยกชนชั้นและอุดมคติแบบทหาร
สหพันธ์ครูของสวิสเซอร์แลนด์ (Federation of Swiss teachers)
ให้ความเห็นไว้ว่า เครื่องแบบนักเรียน มักพบในกลุ่มประเทศอาณานิคมของอังกฤษ และโซนเอเชีย แต่ไม่เคยปรากฎว่าโรงเรียนรัฐของสวิสเซอร์แลนด์ จำเป็นต้องมีเครื่องแบบด้วย
นอกจากนี้ เครื่องแบบนักเรียน ยังเป็นการสะท้อนถึงแนวคิดแบบทหาร ที่พยายามสร้างอุดมคติว่าทุก ๆ คนเท่าเทียมกันเพราะดูเหมือนกัน
สหพันธ์ครูฯ ยังมองว่าการที่โรงเรียนเอกชนมีเครื่องแบบ
นั้นทำให้เกิดการแยกชนชั้นระหว่างเด็ก ๆ ที่เรียนในโรงเรียนต่างฐานะกัน
เมื่อพิจารณาจากเหตุผลเหล่านี้
ทำให้ ‘การบังคับใส่ชุดนักเรียน’
ไม่เหมาะสมกับ ‘การศึกษาที่ทันสมัย’
ของสวิสเซอร์แลนด์ ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยเอาซะเลย
👎🏼 เคยทดลองใช้ แล้วเด็กไม่ชอบ เลยเลิกไป
ในปี 2006 สวิสเซอร์แลนด์เคยมีโครงการทดลองใช้ชุดนักเรียนในกลุ่มเด็กอายุราว ๆ 14 ปี
โดยออกแบบชุดให้ดูชิวๆ เป็นเสื้อโปโล
และแจ็คเกตมีฮู้ดสบาย ๆ
ดูไม่เหมือนชุดนักเรียนแบบที่คุ้นเคยด้วยซ้ำไป
ส่วนค่าชุดที่แม้จะสูงถึง $740
แต่ภาครัฐก็ยินดีจะช่วยสนับสนุนเงินส่วนต่างค่าชุดให้ถูกกว่าเสื้อผ้าทั่ว ๆ ไป เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และผู้ปกครองส่วนนึงก็เห็นด้วย เพราะมันประหยัดเวลาการเตรียมตัวตอนเช้า ๆ
แต่หลังจากทดลองได้ 6 เดือนเด็กๆ ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า
พวกเขาใส่ชุดนักเรียนได้ ถ้าเพื่อนทุกคนใส่
แต่ชุดนักเรียน มันไม่ตรงกับสไตล์การแต่งตัวของพวกเขา และอยากที่จะใส่อะไรที่เป็นตัวเองมากกว่า
โครงการนำร่องนี้จึงถูกพับเก็บไป
————-
สิ่งที่น่าสนใจประเด็นชุดนักเรียนของสวิสฯ
คือการทดลองและสำรวจความเห็นของทุก ๆ ฝ่าย
มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
และผู้ใหญ่ก็ให้น้ำหนักที่สุดกับความคิดเห็นของเด็ก ๆ ที่ต้องเป็นคนใส่มัน
ที่มา: Swissinfo, Federation of Swiss teachers