
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน “Learn Lab Expo 2025 : Creativity Beyond AI” ภายใต้โครงการ LEARN LAB 2024: Mega Trend Meta Learning ณ มิวเซียมสยาม ซึ่งกิจกรรมหลักเป็นการประกวดแนวทางธุรกิจโดยใช้ AI สานต่อการสร้างพื้นที่แห่งการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้และทักษะใหม่ๆในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 600 ราย จำนวน 170 ทีม แสดงถึงความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาทักษะ และนวัตกรรมด้าน AI

ดร.อภิชาติ ประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD กล่าวว่า “ในโลกปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มีบทบาทในการขับเคลื่อน และเปลี่ยนแปลงโลกอย่างก้าวกระโดด จึงต้องเตรียมความพร้อมให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการ ได้พัฒนาศักยภาพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งงาน Learn Lab 2025 จึงเป็นพื้นที่เสริมสร้างรากฐานสังคมไทยให้เข้มแข็ง ผ่านการผสานนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี AI ที่เกื้อหนุนความคิดสร้างสรรค์ในหลากหลายมิติ โดยเน้นการเรียนรู้แบบ Meta Learning ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
โดยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ alpha+ sandbox ในการบ่มเพาะทีมที่เข้าร่วมโครงการฯ จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนาต่อยอดแนวคิด ให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่จับต้องได้ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ซึ่งหวังว่าในการจัดงานครั้งนี้ จะเป็นระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมในด้านการศึกษาและการเรียนรู้ในประเทศไทยอย่างยั่งยืน”
สำหรับงาน Learn Lab 2025: Creativity Beyond AI มีกิจกรรมหลักเป็นการประกวดแนวทางธุรกิจ ซึ่งผลการตัดสิน ปรากฎว่ามีทีมที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน ได้แก่
1) ทีม Family Deaf ของนายพรยุทธ เม่นมุกดา ชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท เป็นผลงานด้านอุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ นำเสนอแพลตฟอร์มการเรียนรู้สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน โดยใช้เทคโนโลยี 3D Animation และ AI เพื่อช่วยเหลือผู้พิการฟังที่รองรับ 45 ภาษา ด้วย 3 ฟีเจอร์ ได้แก่ D-Translate: แปลงเสียงพูดเป็นภาษามือ, D-Speech: AI ช่วยออกเสียงพูดแทนผู้พิการ และ AI ช่วยฝึกการสะกดนิ้ว
2) ทีม Motif Move คว้าอันดับ 2 ได้รับรางวัล 50,000 บาท จากหมวดอุตสาหกรรมการออกแบบและแฟชั่น นำเสนอแพลตฟอร์มช่วยออกแบบเสื้อผ้า ทำหน้าที่เสมือน Co-designer สนับสนุนการออกแบบด้วย AI วิเคราะห์ข้อมูลที่แนะนำเนื้อผ้าที่เหมาะสมกับแบบเสื้อ (Pattern) พร้อมกับฟีเจอร์ตัวกลางสนับสนุนการขายแบบเสื้อ ระหว่างห้องเสื้อและผู้ออกแบบ
3) ทีม Synesthesia อันดับ 3 จากหมวดอุตสาหกรรมดนตรีและศิลปะ นำเสนอแพลตฟอร์ม cutting-edge AI วิเคราะห์และตีความอารมณ์และความหมายของเพลง ออกมาเป็นรูปแบบ Visual Graphics
4) ทีม NoteBattle อันดับ 4 จากหมวดอุตสาหกรรมดนตรีและศิลปะ นำเสนอเกมที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถฝึกฝนดนตรีกับผู้อื่นได้ผ่านการแข่งขัน
และ 5) ทีม Greentify คว้าอันดับ 5 จากหมวดความยั่งยืน นำเสนอแอปพลิเคชัน Waste Management System ระบบที่ช่วยคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยใช้ระบบ AI Scanner จากภาพถ่ายขยะเพื่อช่วยในการคัดแยก
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาเรื่อง “From Learn Lab to Dream Lab” เมื่อ AI เปลี่ยนพื้นที่การเรียนรู้ สู่พื้นที่ที่ความฝันเกิดขึ้นจริง อะไรคือโอกาสที่อุตสาหกรรมและทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ ดร.อภิชาติ ประเสริฐ จาก OKMD, คุณพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ จาก Varuna, ดร.ณรงค์ บริจินดากุล จาก SCB10X, คุณธเนศ จิระเสวกดิลก จาก alpha+ sandbox และ divana และคุณสามขวัญ ตันสมพงษ์ จาก What The Duck
รวมถึงการออกบูธให้ความรู้ด้าน AI ที่จัดขึ้นภายใต้ 3 แนวคิดหลักคือ Innovation, Inspiration และ Imagination จำนวน 9 บูท ภายใน AI Garder ได้แก่ AIThaigen, Findice, CodeVenture, MeLearn, One Charge, ABC Killer Pitching, P+T=S, AImage และ alpha+ sandbox ที่ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถร่วมกิจกรรมและสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากโครงการอีกด้วย
คุณภูมิศาสตร์ รุจีรไพบูลย์ Co-Founder of alpha+ sandbox เล่าถึงการมีส่วนร่วมของ alpha+ sandbox ในโครงการนี้ว่า alpha+ sandbox ได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Ecosystem) ให้กับคนรุ่นใหม่ ผ่านการระดมทีม Mentor หรือผู้เชี่ยวชาญจากทุกอุตสาหกรรม เข้ามาทำหน้าที่พี่เลี้ยงและให้คำปรึกษากับทีมสตาร์ทอัพ ผ่านกิจกรรม Incubation หรือค่ายบ่มเพาะทักษะธุรกิจและนวัตกรรมให้กับทีมสตาร์ทอัพอย่างเข้มข้น
ซึ่งภาพรวมโครงการถือว่าเป็นที่น่าพอใจและน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่โดดเด่นเหนือ AI ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาให้กับสังคมได้จริง ทาง alpha+ sandbox ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีส่วนร่วมทุกท่านที่ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนและขับเคลื่อนงานครั้งนี้ให้เกิดการต่อยอด และจุดประกายการเรียนรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ในโครงการนี้ และในโอกาสต่อไป
ร่วมสร้างแรงบันดาลใจและอนาคตใหม่ของประเทศไทยไปพร้อมกันกับ “Learn Lab 2025” ก้าวสู่ “มหานครแห่งการเรียนรู้ผ่าน AI” เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของสังคมไทย และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ‘OKMD’ : www.facebook.com/OKMDInspire และ Facebook ‘alpha+ sandbox’ : www.facebook.com/alphaplus.sandbox